1.รับเป็นทนายว่าความในการร้องขอต่อศาลในคดีแพ่งและอาญา ดังต่อไปนี้
-ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก
-ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้จัดการมรดก
-ร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดิน
-ร้องขอทำนิติกรรมขายที่ดินแทนผู้เยาว์
-ร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ
-ร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
-ร้องขอให้ศาลพิพากษาให้เด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของชายที่เคยเป็นสามี
-ร้องขอตั้งผู้ปกครอง
-ร้องขัดทรัพย์,กันส่วน,เฉลี่ยหนี้
-ร้องขอชำระหนี้จำนอง
-ร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาด
-ร้องขอคืนของกลางในคดีอาญา เป็นต้น
2.รับเป็นทนายว่าความ (เป็นทนายโจทก์หรือจำเลย) ในคดีแพ่ง ดังต่อไปนี้
-ฟ้องเรียกเงินกู้ (ฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกัน)
-ฟ้องกู้ยืมและจำนอง
-ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค
-ฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์รวม
-ฟ้องละเมิด,บุกรุกที่ดิน,บุกรุกเคหะสถาน
-ฟ้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์
-ฟ้องละเมิด,ทำร้ายร่างกาย,รถชนกัน,บาดเจ็บ
-ฟ้องแบ่งมรดก
-ฟ้องหย่า,แบ่งสินสมรส,ฟ้องชายหรือหญิงชู้เรียกค่าสินไหมทดแทน
-ฟ้องให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ
-ฟ้องขับไล่,บุกรุก,ขับไล่ตามสัญญา
-ฟ้องเรียกค่านายหน้า,เรียกค่าจ้าง
-ฟ้องถอนคืนการให้,เพิกถอนการฉ้อฉล
-ภริยาฟ้องสามีให้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่ภริยาและบุตร
-ผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์,เช่าซื้อสินค้า
-ฟ้องเปิดทางจำเป็น,ฟ้องเป็นทางภาระจำยอม,ฟ้องขอให้เปิดทางสาธารณะ
-ฟ้องเลิกหุ้นส่วนสามัญ
-ผิดสัญญาบัตรเครดิต,กู้เงินเกินบัญชี,จำนอง,ค้ำประกัน เป็นต้น
3.รับเป็นทนายว่าความ (เป็นทนายโจทก์หรือจำเลย)ในคดีอาญา ดังต่อไปนี้
-คดีลักทรัพย์
-คดีรับของโจร
-คดีวิ่งราวทรัพย์
-คดีชิงทรัพย์
-คดีปล้นทรัพย์
-คดีฉ้อโกงทรัพย์
-คดียักยอกทรัพย์
-คดีรีดเอาทรัพย์
-คดีบุกรุกในเคหะสถาน
-คดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
-คดีข่มขืนกระทำชำเรา
-คดีฆ่าคนตายโดยเจตนา,พยายามฆ่า
-คดีดูหมิ่นเจ้าพนักงาน,ทำร้ายเจ้าพนักงาน
-คดีหมิ่นประมาท
-คดียาเสพติดให้โทษ เป็นต้น
4.รับเป็นทนายความในคดีพิเศษ ดังต่อไปนี้
-คดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
-คดีล้มละลาย
-คดีภาษีอากร
-คดีปกครอง